โรคมะเร็งเต้านม: รายชื่ออาหารเสริมที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ตอนที่ 1

TAG:


โรคมะเร็งเต้านม: รายชื่ออาหารเสริมที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ตอนที่ 1

Dr.Cyndi Thomson ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยเกี่ยวกับโภชนาการแห่งศูนย์มะเร็งอาริโซนา ของมหาวิทยาลัยอาริโซนา ได้รวบรวมรายชื่ออาหารเสริมสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดดังต่อไปนี้

Alpha lipoic Acid

Alpha lipoic Acid ยังเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Biletan,Acetate Replacing Factor, ALA and Thioctio Acid เนื่องจากเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ Alpha lipoic Acid จึงมีคุณสมบัติในการรักษาโรคได้หลายชนิด ได้แก่ Cataracts,Glaucoma,Diabetes,Dementia,Cancer and Cardiovascular Disease ประมาณการกินในแต่ละครั้งควรอยู่ที่ 300-1,200 มิลลิกรัมต่อวัน

จากการศึกษาทางการแพทย์พบว่า,การกิน Alpha lipoic Acid ไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายเมื่อกินติดต่อกันเป็นเวลา 4 เดือนไปจนถึง 2 ปี. แต่ไม่มีงานวิจัยชิ้นใดออกมาชี้ให้เห็นถึงอันตรายที่เกิดจากการกิน Alpha lipoic Acid ติดต่อกันนานกว่านั้น. นอกจากนั้นยังพบอีกว่า Alpha lipoic Acid ช่วยฟื้นฟูระบบของฮอร์โมนอินซูลินในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานแต่ไม่มีงานวิจัยชิ้นใดออกมากล่าวถึงประโยชน์ที่เห็นอย่างเด่นชัดของ Alpha lipoic Acid ที่มีต่อผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งเต้านม

Coenzyme Q10

Coenzyme Q10 ยังเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Ubiquinone,Ubiquinol and CoQ นักวิจัยเชื่อว่า, Coenzyme Q10 อาจมีคุณสมบัติในการเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งบางชนิด ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายปกป้องหัวใจ ผลข้างเคียงที่เกิดจากการรักษามะเร็งด้วยยาหรือสารเคมี
เพื่อที่จะได้รับประโยชน์จาก Coenzyme Q10 ผู้ป่วยควรได้รับ 180 มิลลิกรัมต่อวัน โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วนสำหรับช่วงเช้าและช่วงเย็นหรือ 3 ส่วนสำหรับอาหารแต่ละมื้อ แม้ว่าในขณะนี้ยังไม่มีการรายงานถึงผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้ Coenzyme Q10 ที่แน่นอน แต่มีผู้ป่วยบางรายมีอาการคลื่นไส้เบื่ออาหาร,นอนไม่หลับ,และท้องร่วงหลังจากการใช้

จากการวิจัยในสัตว์พบว่า, Coenzyme Q10 ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย นอกจากนี้คณะวิจัยยังพบอีกว่า, Coenzyme Q10 มีคุณสมบัติในการช่วยลดผลกระทบอันเกิดจากสาร Doxorubicin ที่เกิดขึ้นกับหัวใจซึ่งเป็นสารเคมีที่นำมาใช้ในการบำบัดมะเร็งด้วยยาและสารเคมี อย่างไรก็ตาม,แม้ว่า Coenzyme Q10 จะมีประโยชน์ในการบำบัดอาการเจ็บป่วยบางประการ แต่ในขณะนี้ยังไม่มีผลการวิจัยใดที่น่าเชื่อถือออกมายืนยันถึงประโยชน์ของ Coenzyme Q10 ที่มีต่อมะเร็งเต้านม

Antineoplaston

เนื่องจากได้รับการพัฒนาจาก Stanislaw Burzynski, M.D. Antineoplaston จึงเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Burzynski Therapies. Antineplaston คือกลุ่มของสารประกอบสังเคราะห์ที่ถูกแยกออกมาจากเลือดและปัสสาวะ นักวิทยาศาสตร์คิดว่า, Antineplaston มีภูมิคุ้มกันที่สามารถต่อสู้กับมะเร็งได้
เพื่อที่จะรับภูมิคุ้มกันจาก Antineplaston ผู้ป่วยจำเป็นต้องรับสารชนิดนี้ผ่านการฉีดที่สถาบันซีนสกีในเมืองฮูสตัน รัฐเท็กซัส เท่านั้น มีการรายงานจากผู้ป่วยที่ได้รับ Antineplaston ว่ามีอาการผื่นแดง,มีแก๊ช,รู้สึกหนาว,มีไข้,และมีความดันเลือดต่ำ อย่างไรก็ตามเนื่องจากยังไม่มีการวิจัยถึงประโยชน์และผลกระทบที่เกิดจากการใช้ Antineplaston ที่แน่นอนและน่าเชื่อถือได้ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งเต้านมจึงไม่ควรใช้สารชนิดนี้โดยเด็ดขาด จนกว่าจะมีข้อมูลที่สามารถเชื่อถือได้ออกมายืนยันถึงความปลอดภัยอีกครั้ง

Green Tea

ชาเขียวยังเป็นที่รู้จักกันในชื่อของ  Camellia Sinensis,Green Tea Polyphenols and EGCG มีความเชื่อว่า EGCG ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่อยู่ในชาเขียวสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านม รวมทั้งมะเร็งชนิดอื่น ๆ ได้ดี เพื่อให้ได้ประโยชน์จากชาเขียวในแง่ของการบำบัดโรคภัย นักวิจัยแนะนำให้ดื่มชาเขียว 3-4 ถ้วยต่อวัน

จากการศึกษาพบว่า, ชาเขียวมีสารกาเฟอีนประมาณ 25 มิลลิกรัมต่อถ้วย ซึ่งน้อยกว่าชาดำหรือกาแฟ แต่อย่างไรก็ตาม,ในผู้ป่วยที่ไวต่อสารกาเฟอีนอาจมีอาการคลื่นไส้และกระสับกระส่ายได้ ในห้องทดลองนักวิจัยกำลังศึกษาถึงคุณสมบัติของชาเขียวที่มีต่อความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านมและมีการพบว่า EGCG ที่อยู่ในชาเขียวมีผลต่อการเติบโตของเซลล์มะเร็ง แต่อย่างไรก็ตาม,ยังไม่มีผลการวิจัยถึงคุณสมบัติของสารดังกล่าวกับมนุษย์ที่น่าเชื่อถือได้

บทความมะเร็งเต้านมที่เกี่ยวข้อง