รายชื่ออาหารเสริมที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ตอนที่ 3

TAG:

รายชื่ออาหารเสริมที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ตอนที่ 3

Black Tea

Black Tea ยังเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Camellia Senensis and English Tea เดิมทีนักวิจัยเชื่อว่า Black Tea มีสรรพคุณในการลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งหลายชนิด รวมไปถึงมะเร็งเต้านม.แพทย์ใช้ Black Tea ในการรักษาอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับกระเพาะอาหาร เช่น อาการอาเจียน,ท้องร่วง,ลดความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในไต นอกจากนี้แพทย์ยังใช้คุณสมบัติที่เหมือนยาขับปัสสาวะของ Black Tea ในการขจัดน้ำส่วนเกินออกจากร่างกายอีกด้วย เพื่อให้ได้ประโยชน์จาก Black Tea นักวิจัยแนะนำให้ดื่ม 1-4 ถ้วยต่อวัน
อย่างไรก็ตาม,แม้ว่าจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลาย ๆ ด้าน แต่เนื่องจากชาดำมีสารกาเฟอีนอยู่ประมาณ 55 มิลลิกรัมต่อ 1 ถ้วย หากดื่มมากกว่าปริมาณที่กำหนดอาจก่อให้เกิดอาการนอนไม่หลับ,กระสับกระส่าย,ปวดศีรษะ,หัวใจเต้นเร็ว,ท้องไส้ปั่นป่วน,คลื่นไส้อาเจียน,และหายใจเร็ว,แม้ว่า Black Tea จะมีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งทำหน้าที่ในการป้องกันเซลล์ของร่างกายจากการทำลายของอนุมูลอิสระ แต่ผลการวิจัยเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้แสดงให้เห็นว่า, Black Tea ไม่สามารถลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งชนิดใดได้เลยรวมไปจนถึงมะเร็งเต้านมอย่างที่เคยคิดกัน

Chamomile

Chamomile ยังเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Manzanilla,Matricaria Recutita,Matricaire and Pin Heads แพทย์ใช้ Chamomile แทนน้ำยาบ้วนปากเพื่อรักษาอาการเจ็บปวดที่เกิดจากการเข้ารับการรักษามะเร็งด้วยยาหรือสารเคมี โดยการผสมน้ำอุ่นครึ่งถ้วยกับสารสกัด Chamomile 10-15 หยด ใช้บ้วนปาก 3 ครั้งต่อวัน นอกจากนั้น Chamomile ยังนำมาใช้บำบัดอาการนอนไม่หลับโดยให้ดื่มแทนชาทำให้นอนหลับได้ง่ายยิ่งขึ้นและหลังจากให้ผู้ป่วยใช้ Chamomile บำบัดอาการผิดปกติในช่วงระยะสั้น ๆ นักวิจัยก็ไม่พบผลข้างเคียงจากการใช้ Chamomile แต่อย่างใด

Turmeric

Turmeric ยังรู้จักกันในชื่อ Indian Saffron and Curcumin นักวิจัยเชื่อว่า Turmeric มีคุณสมบัติเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งหลายชนิด รวมไปถึงอาการติดเชื้อและอาการอักเสบอีกด้วย ไม่มีการกำหนดปริมาณการใช้ต่อวันที่แน่นอนแต่โดยทั่วไปเรามักพบขมิ้นเป็นหนึ่งในเครื่องเทศที่ผสมอยู่ในอาหาร แต่อย่างไรก็ตามการกินขมิ้นมากเกินไปอาจก่อให้เกิดผลเสีย เช่น อาการแพ้และท้องไส้ปั่นป่วน

จากการทดลองนักวิจัยพบว่า ขมิ้นมีความสามารถในการลดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง แต่อย่างไรก็ตามในขณะนี้ยังไม่มีผลการทดลองถึงคุณสมบัติที่แท้จริงในการป้องกันมะเร็งของขมิ้นที่มีในมนุษย์ที่สามารถเชื่อถือได้อย่างแน่นอน

Amygdalin

Amygdalin ยังเป็นที่รู้จักกันในชื่อของ Apricot pits.Laetril and Vitamin B17 เดิมที่เชื่อว่าเซลล์มะเร็งจะเปลี่ยน Amygdalin ให้กลายเป็น Cyanide ซึ่งเป็นสารพิษที่มีคุณสมบัติในการกำจัดเชื้อมะเร็งให้หมดไป นอกจากนั้นยังเชื่ออีกว่าการขาด Amygdalin ของร่างกายอาจนำไปสู่การเป็นมะเร็งเต้านมได้อีกด้วย ปริมาณในการใช้ Amygdalin ในแต่ละครั้งจะแตกต่างกันระหว่าง 500 มิลลิกรัมไปจนถึง  1 กรัมต่อวัน อย่างไรก็ตามในขณะที่ประเทศเม็กซิโก,ออสเตรเลีย,รวมไปถึงประเทศอื่น ๆ อนุญาตให้ใช้ Amygdalinในรูปของยากินและฉีด ประเทศอเมริกากลับไม่อนุญาตให้ใช้อย่างเด็ดขาด
เนื่องจาก Amygdalin สามารถเปลี่ยนไปเป็น ไซยาไนด์และเอนไซม์ที่เป็นพิษ คุณจึงควรหลีกเลี่ยงการกิน Amygdalin อย่างเด็ดขาดเพราะนอกจากจะเป็นพิษต่อร่างกายแล้วยังอาจนำไปสู่อาการโคม่าและการเสียชีวิตในที่สุด ในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ให้เห็นว่า, Amygdalinสามารถกำจัดเซลล์มะเร็งและช่วยลดความเสี่ยงในการกลับมาเป็นมะเร็งเต้านมอีกครั้งได้แต่อย่างใด ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยคนที่เป็นโรคมะเร็งเต้านมควรหลีกเลี่ยงการกินยานี้โดยเด็ดขาด

Vitamin A

Vitamin A ยังเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Vitamin A2,Retinol Vitamin A1 มีความเชื่อว่า วิตามินเอ มีคุณสมบัติในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันร่างกายและช่วยเสริมสร้างสุขภาพของดวงตา นักวิจัยแนะนำให้ผู้ป่วยรับวิตามินเอ 700 ไมโครกรัมต่อวัน การกินวิตามินเอมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนและปวดศีรษะได้ นอกจากนั้นการกินวิตามินเอมากเกินไปยังเป็นสาเหตุของโรคกระดูกพรุนได้อีกด้วย

เพื่อลดความเสี่ยงในการได้รับวิตามินเอที่มากเกินไป นักวิจัยแนะนำว่าการกินผักผลไม้สีสด 5-6 ชนิดต่อวันจะทำให้ร่างกายได้รับวิตามินเอในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการ อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีผลการวิจัยเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของวิตามินเอออกมามากมาย แต่ในปัจจุบันยังไม่พบว่าวิตามินเอมีผลต่อความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมแต่อย่างใด

บทความมะเร็งเต้านมที่เกี่ยวข้อง