โรคมะเร็งเต้านม: รายชื่ออาหารเสริมที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ตอนที่ 6

TAG:

โรคมะเร็งเต้านม: รายชื่ออาหารเสริมที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ตอนที่ 6

Red Clover

Red Clover ยังเป็นที่รู้จักกันในชื่อ soflavone,Trifoloum,Beebred,Phytoestrogen,Daidzein,Genistein,Purple Clover,Trefoil and Clovone แพทย์ใช้ Red Clover ในการเยียวยาอาการผิดปกติอันเนื่องมาจากภาวะหมดประจำเดือนและอาการเจ็บหน้าอก
การใช้ Red Clover ในการรักษาความผิดปกติอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง เช่น อาการร้อนผ่าว,ปวดศีรษะ,คลื่นไส้อาเจียนและเลือดไหลออกจากอวัยวะเพศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้ป่วยใช้ Red Clover ควบคู่กับยาหรือสมุนไพรบางชนิดที่มีสรรพคุณต้านการแข็งตัวของเลือดอาจทำให้ตกเลือดได้ ดั้งนั้นเมื่อจำเป็นต้องใช้  Red Clover ในการรักษาอาการผิดปกติใด ๆ ควรอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์อย่างเคร่งครัด

Folic Acid

Folic Acid เป็นที่รู้จักกันในชื่อ B Complex Vitamin, Folacin and Folate เดิมทีมีความเชื่อว่า Folic Acid ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้และไส้ตรง,โรคหัวใจ,อาการหดหู่ และช่วยปรับสภาพจิตใจให้สดชื้นกระปรี้กระเปร่า นิยมกิน Folic Acid ในรูปของวิตามินบีรวม ซึ่งจะมี Folic Acid ในรูปของวิตามินบีรวมซึ่งจะมีอยู่  400 – 800 ไมโครกรัม

นักวิจัยพบว่าการได้รับ Folic Acid ในรูปของอาหารเสริมที่มี Folic Acid อยู่น้อยกว่า 1,000 ไมโครกรัมต่อวันจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายแต่อย่างใด ในขณะที่การได้รับ Folic Acid ในปริมาณที่มากกว่า 5 มิลลิกรัมต่อวันจะทำให้เกิดอาการท้องเป็นตะคริวและอาการท้องร่วง การได้รับ Folic Acid ในปริมาณมากจะช่วยรักษาภาวะขาดวิตามีบี 12 แพทย์แนะนำว่าหากคุณดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ,ให้กินวิตามินบีรวมที่มี Folic Acid ปริมาณ 400 ไมโครกรัม  Folic Acid จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมอันเนื่องมาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้

Reishi  Mushrooms

Reishi  Mushrooms ยังเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Mushroom of Immortality Ganoderma Lucidum, Mushroom of Spiritual Potency, Rei-Shi, Ling Chih,Ling Zhi, Mannentake and Spirit Plant นักวิจัยเชื่อว่า Reishi Mushrooms มีสรรพคุณในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ผู้ป่วยจะได้รับการแนะนำให้กินเห็ดหลินจือผงในปริมาณ 1-1.5 กรัมต่อวัน หรืออาจดื่มในรูปของน้ำชาก็ได้ สปอร์ของเห็ดหลินจืออาจก่อให้เกิดอาการแพ้ในผู้ป่วยบางราย

สำหรับการใช้เห็ดหลินจือในการรักษาโรคที่นานกว่า 6 เดือน อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียง เช่น เนื้อเยื่อที่ทำหน้าที่สร้างน้ำเมือกแห้ง,อาการคัน และท้องไส้ปั่นป่วน. แม้ว่านักวิจัยจะพอทราบถึงคุณสมบัติบางประการของเห็ดหลินจือมาบ้าง แต่ยังไม่มีงานวิจัยถึงคุณประโยชน์ พิษภัยและผลข้างเคียงที่น่าเชื่อถือออกมาให้ศึกษามากเพียงพอ และเหนือสิ่งอื่นใดยังไม่มีงานวิจัยใดออกมากล่าวถึงคุณประโยชน์ของเห็ดหลินจือที่มีต่อโรคมะเร็งเต้านมแม้แต่ชิ้นเดียว

Aloe Vera

Aloe Vera มีชื่อเรียกอีกหลายชื่อ ได้แก่ Aloe Indica, Aloe Barbadensis and Aloe Ferox เพื่อความสะดวกและปลอดภัยในการใช้ ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เจลและคลีมที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้บนผิวหนังเพื่อเยียวยาอาการระคายเคือง หรือกินเพื่อรักษาอาการบวม,อาการข้อเสื่อมและโรคลำไส้อักเสบ
เพื่อลดอาการระคายเคืองผิวให้ทาเจลหรือครีมดังกล่าวบนผิวหนังวันละ 3 ครั้ง อาการผิดปกติดังกล่าวจะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปในที่สุด อย่างไรก็ตาม,การใช้สารสกัดว่านหางจระเข้ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากการกินสารสกัดว่านหางจระเข้อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงและควรหลีกเลี่ยงการกินสารสกัดว่านหางจระเข้หากคุณเป็นโรคเบาหวาน อย่างไรก็ตาม,ในปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยชิ้นใดออกมายืนยันถึงประโยชน์ของว่านหางจระเข้ที่มีต่อผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ไม่ว่าจะเป็นทั้งจากการทาหรือการกิน ในขณะนี้เราพบแค่เพียงว่าการทาเจลว่านหางจระเข้สามารถเยียวยาบาดแผลที่เกิดจากการถูกความร้อนเผาไหม้ได้เท่านั้น

Vitamin E

Vitamin E ยังเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Tocopheryl Acid Succinate,Tocopherol,Tocopheryl Acetate and Tocopheryl Succinate Vitamin E มีคุณสมบัติในการช่วยลดอาการระคายเคืองผิวหนังอันเนื่องมากจากการฉายรังสี ช่วยลดความเสี่ยงและรักษาโรคหัวใจและลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง นอกจากนั้นยังมีการใช้วิตามินในการรักษาอาการผิดปกติอันเนื่องมาจากภาวะหมดระดู เช่น อาการร้อนผ่าวอันเนื่องมาจากวิธีรักษาจากมะเร็งเต้านม แต่จากการวิจัยเมื่อเร็ว ๆ นี้พบว่า Vitamin E ไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะรักษาอาการร้อนผ่าวในผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านมแต่อย่างใด

เพื่อได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่แพทย์แนะนำให้ผู้ป่วยใช้ วิตามินอี 200-400 IU ทุกวัน อย่างไรก็ตาม,ปริมาณของวิตามินอีที่จำเป็นต้องใช้ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์และอาการของผู้ป่วยเป็นหลัก การได้รับวิตามินอี 400 IU หรือมากกว่านั้นจะทำให้ความเสี่ยงต่อการสลบเนื่องจากการตกเลือดได้


บทความมะเร็งเต้านมที่เกี่ยวข้อง