วิธีลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมของบุคคลทั่วไป ตอนที่ 1

TAG:


วิธีลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมของบุคคลทั่วไป ตอนที่ 1

เมื่อเราทราบถึงปัจจัยที่ทำให้เกิดมะเร็งเต้านมแล้ว การเอาใจใส่ต่อปัจจัยดังกล่าวไม่เพียงแต่จะช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็นมะเร็งเต้านมเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมของคุณอีกด้วย


หยุดสูบบุหรี่อย่างเด็ดขาด

การสูบบุหรี่เป็นพฤติกรรมที่เลิกได้ยาก ด้วยการตระหนักถึงภัยอันตรายของบุหรี่ที่มีต่อสุขภาพโดยรวม ปัจจุบันได้มีการผลิตสินค้าเพื่อสนองความต้องการของคนที่คิดจะเลิกบุหรี่ เพื่อหลีกไกลจากภัยอันตรายของบุหรี่และโรคมะเร็งเต้านม เช่น ยาเม็ด, หมากฝรั่ง, ปลาสเตอร์ปิดผิวหนัง, การฝังเข็ม, หรือแม้แต่การนั่งสมาธิ. และเพื่อที่จะหยุดสูบบุหรี่อย่างเด็ดขาดคุณควรเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด

จากการวิจัยพบว่า บุหรี่ไม่เพียงแต่เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งปอดหรือส่งผลร้ายต่อสุขภพโดยรวมเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมอีกด้วย การสูบบุหรี่ทำให้วิธีการรักษามะเร็งเต้านมไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควรแต่กลับเพิ่มอาการแทรกซ้อนในผู้ที่เป็นมะเร็งเต้านมให้มีมากขึ้น ทำให้ร่างกายฟื้นตัวหลังจากการผ่าตัดได้ยากและช้าลง ทำให้อาการบาดเจ็บอันเกิดจากการฉายรังสีที่ปอดมีความรุนแรงยิ่งขึ้นและยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการจับกันเป็นก้อนของเลือดในผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาด้วยฮอร์โมนให้มีมากขึ้นอีกด้วย

มีทายาทสืบสกุลในเวลาที่เหมาะสมหากเป็นไปได้

มีการวิจัยพบว่า ผู้หญิงที่มีบุตรจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมน้อยกว่าผู้หญิงที่ไม่มีบุตร และคนที่มีบุตรเร็วจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมน้อยกว่าคนที่มีบุตรช้า ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งให้น้อยลงหากเป็นไปได้ควรมีบุตรในขณะที่อายุยังน้อย การตั้งครรภ์จะหยุดวัฏจักรของการมีประจำเดือนเป็นเวลา 9 เดือน ซึ่งนักวิจัยคิดว่าเป็นกระบวนการที่ช่วยป้องกันร่างกายจากมะเร็งเต้านม นอกจากนั้นการตั้งครรภ์ยังช่วยผลิตฮอร์โมนหลายชนิดที่บังคับให้เซลล์เต้านมเติบโตเพื่อผลิตน้ำนม เมื่อเซลล์เต้านมเติบโตมากขึ้นและจำเป็นต้องผลิตน้ำนมเพื่อเลี้ยงทารกที่จะคลอดออกมาเซลล์เต้านมเหล่านั้นจะไม่มีเวลาในการก่อตัวเพื่อสร้างเนื้อเยื่อที่เป็นมะเร็ง

เนื่องจากเอสโตรเจนเป็นหนึ่งในฮอร์โมนที่ร่างกายผลิตขึ้นในช่วงตั้งครรภ์จึงทำให้บางคนกังวลถึงผลกระทบของเอสโตรเจนที่มีต่อการเติบโตของเซลล์เต้านม แต่เนื่องจากในช่วงตั้งครรภ์ร่างกายจะมีการผลิตฮอร์โมนขึ้นมาหลายชนิดนอกจากเอสโตรเจน ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้จะทำหน้าที่ในการสร้างสมดุลให้เกิดขึ้นระหว่างฮอร์โมนด้วยกันเอง ดังนั้นฮอร์โมนเอสโตรเจนจึงไม่สามารถกระตุ้นเซลล์เต้านมให้มีการเติบโตที่ผิดปกติได้

รักษาน้ำหนักให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยและคงที่

จากงานวิจัยหลายชิ้นที่ออกมากล่าวถึงอันตรายจากการมีน้ำหนักมากเกินไปต่อความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านม. มีการพบว่า ผู้หญิงอ้วนหรือผู้หญิงที่มีน้ำหนักมากเกินพิกัดจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมมากขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ไม่เพียงเท่านั้นการมีน้ำหนักมากเกินไปยังทำให้ความเสี่ยงในการกลับมาเป็นมะเร็งเต้านมอีกครั้งในผู้หญิงที่เคยเป็นมะเร็งเต้านมมาแล้วเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน เนื่องจากเซลล์ไขมันส่วนเกินจะผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มากเกินไปออกมากระตุ้นการเติบโตของเซลล์เต้านมให้มีมากขึ้น

นอกจากนั้นยังมีการพบว่า คนอ้วนมีแนวโน้มที่จะกินอาหารที่มีไขมันสูงและออกกำลังกายน้อยลง และเมื่อเรามีอายุมากขึ้น เรามีแนวโน้มที่จะอ้วนได้ง่ายและควบคุมน้ำหนักได้ยากยิ่งขึ้น เนื่องจากร่างกายของเรามีกระบวนการเผาผลาญที่ทำงานได้น้อยลง อย่างไรก็ตามหากเรากินอาหารให้ถูกสัดส่วนโดยเน้นอาหารที่มีไขมันต่ำ กินอาหารที่มีเส้นใยสูงและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะทำให้เราสามารถควบคุมน้ำหนักได้ง่ายยิ่งขึ้น

หาวิธีผ่อนคลายความเครียด

จากการศึกษาทางการแพทย์พบว่า ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งชนิด
Melanoma ซึ่งเป็นเนื้องอกชนิดที่มีเม็ดสีสะสมอยู่ มีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นหลังจากเข้ารับการบำบัดด้วยการเข้ากลุ่มพูดคุยกับเพื่อนผู้ป่วยด้วยกันอย่างสม่ำเสมอ นักวิจัยพบว่าการผ่อนความความตึงเครียดและการหาความสุขให้กับตัวเองด้วยการทำกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างความพึงพอใจ ความรู้สึกผ่อนคลายเช่น การออกกำลงกาย, การทำกิจกรรมที่ตัวเองชอบ, การนั่งสมาธิ, การทำโยคะ, หรือการเข้าทำกิจกรรมอื่น ๆ ร่วมกับผู้อื่นจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงยิ่งขึ้น และทำให้การดำเนินชีวิตในแต่ละวันมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น และเมื่อใดก็ตามที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงมันจะป้องกันโรคภัยไข้เจ็บที่เข้ามาเบียดเบียนร่างกายได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนั้นยังมีการค้นพบอีกว่าผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านมที่เข้ารับการบำบัดด้วยการเข้ากลุ่มพูดคุยกับเพื่อนผู้ป่วยด้วยกันจะมีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีเซลล์ภูมิคุ้มกันในเลือดมากกว่าผู้หญิงที่ไม่ได้รับการบำบัดด้วยวิธีดังกล่าว นักวิจัยเชื่อว่าการได้เข้ากลุ่มพูดคุยกับเพื่อนที่เป็นมะเร็งด้วยกันจะทำให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกว่าอยู่คนเดียวหรือโดดเดี่ยว ผู้ป่วยจะรู้สึกผ่อนคลายมีกำลังใจที่จะต่อสู้กับมะเร็งเต้านมมากยิ่งขึ้น

บทความมะเร็งเต้านมที่เกี่ยวข้อง