โรคมะเร็งเต้านม: ยาปฏิชีวนะ ทำให้เสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านมหรือไม่
นับตั้งแต่คิดค้นขึ้นมาในปี 1929 ยาปฏิชีวนะเป็นหนึ่งในยาสามัญที่แพทย์มักสั่งให้คนไข้ ยาปฏิชีวนะเป็นยาที่ช่วยรักษาภาวะติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียรวมไปจนถึงเชื้อจุลินทรีย์ต่าง ๆ นอกจากจะใช้สำหรับรักษาอาการติดเชื้อที่เกิดขึ้นกับหู ลำคอ และโพรงจมูกแล้ว ยาปฏิชีวนะยังช่วยรักษาอาการปอดอักเสบและอาการเยื่อสมองอักเสบอีกด้วย อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะช่วยชีวิตคนนับล้าน แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีงานวิจัยบางชิ้นออกมากล่าวถึงอันตรายที่เกิดจากการใช้ยาปฏิชีวนะที่ไม่เหมาะสมและมากจนเกินไป
ตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนและเกิดขึ้นบ่อยครั้งคือ ในกรณีที่ผู้ป่วยโรคหวัดที่มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัส ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่ายาปฏิชีวนะไม่สามารถรักษาให้หายได้ แต่ด้วยความต้องการบางสิ่งบางอย่างที่จะช่วยให้แน่ใจว่าอาการป่วยที่ตนเองเป็นอยู่สามารถหายได้ ผู้ป่วยจำนวนมากมักจบด้วยการตัดสินใจกินยาปฏิชีวนะเพราะคุ้นเคยกับยาชนิดนี้มาเป็นเวลานานและชะล่าใจคิดว่าคงไม่เกิดอันตรายใด ๆ แต่เมื่ออาการหวัดที่พวกเขาเป็นไม่ดีขึ้น เขาก็จะเพิ่มปริมาณของยาให้มากขึ้นโดยหวังให้มันช่วยรักษาอาการดังกล่าวให้หายไปโดยไว หรือใช้ยานั้นติดต่อกันเป็นเวลานาน
งานวิจัยออกมากล่าวถึงการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างผิดวิธีและมากเกินไปว่า การใช้ยาเพื่อรักษาอาการที่มันไม่อาจรักษาได้ แบคทีเรียที่ยาดังกล่าวสามารถกำจัดได้จะเพิ่มความต้านทานยามากขึ้น หมายความว่าเมื่อคุณใช้ยาปฏิชีวนะในครั้งต่อไปเพื่อรักษาโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ยาจะไม่มีฤทธิ์มากพอที่จะจัดการกับเชื้อแบคทีเรียดังกล่าว ด้วยเหตุนี้ในปัจจุบันแพทย์จึงเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้นเมื่อต้องจ่ายยาปฏิชีวนะให้กับผู้ป่วย แต่ถึงกระนั้นก็ตามยังมีผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยที่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะจำนวนมากและติดต่อกันเป็นเวลานานเพื่อรักษาโรคบางชนิด
ในขณะที่ยาปฏิชีวนะยังสามารถรักษาได้หลายโรคเรื่อยมา,มีนักวิจัยบางส่วนออกมาแสดงความกังวลถึงความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านมที่เกิดจากการใช้ยาปฏิชีวนะ เนื่องจากพวกเขาพบว่ายาปฏิชีวนะบางชนิดขัดขวางความสามารถของร่างกายในการดูดซึมสารอาหารที่มีคุณสมบัติในการป้องการเกิดมะเร็งเต้านมที่ได้จากอาหารที่เรากิน นอกจากนั้นยาเตราไซคลิน รวมไปจนถึงยาปฏิชีวนะชนิดอื่น ๆ ยังส่งผลให้ร่างกายมีการผลิตสารที่มีชื่อว่า พรอสตาแกลนดินส์ ซึ่งเป็นสารที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและกระตุ้นให้ร่างกายผลิตสารเคมีชนิดหนึ่ง ที่นักวิจัยคิดว่าจะทำให้ความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมเพิ่มมากขึ้น เพราะจากการศึกษาชิ้นหนึ่งแสดงให้เห็นว่า เมื่ออาสาสมัครหญิงได้รับ Ibuprofen ซึ่งเป็นยาที่มีคุณสมบัติในการกดสารเคมีชนิดนี้เอาไว้ความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมของอาสาสมัครเหล่านี้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนั้นในงานวิจัยของชาวฟินแลนด์ที่ได้รับการตีพิมพ์ปี 2000 ค้นพบว่า อาสาสมัครหญิงที่ได้รับยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาอาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมมากกว่าอาสาสมัครที่ไม่ได้มีการติดเชื้อและไม่ได้ใช้ยาปฏิชีวนะดังกล่าวแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีผลการทดลองมาสนับสนุนความเกี่ยวข้องกันระหว่างยาปฏิชีวนะและการเป็นมะเร็งเต้านม แต่การทดลองดังกล่าวก็มีข้อจำกัดและข้อผิดพลาดในการทดลองมากมายซึ่งทำให้นักวิจัยตัดสินใจที่จะทำการทดลองเพื่อทดสอบสมมติฐานของเขาอีกครั้ง
ในขณะที่เรายังไม่ทราบถึงพิษภัยที่เกิดจากยาปฏิชีวนะอย่างแน่ชัด, หากคุณจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาอาการผิดปกติใดๆ เป็นเวลานาน คุณพึงระลึกอยู่เสมอว่าอาการผิดปกติที่คุณเป็นอยู่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไม่ คุณใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาอาการผิดปกติอะไร, ยาปฏิชีวนะใดที่เหมาะกับอาการผิดปกติที่คุณเป็นอยู่,คุณควรใช้ยามากน้อยแค่ไหน และคุณจะใช้ยานานเท่าใด, หลีกเลี่ยงการใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัดหรืออาการผิดปกติใดที่ยาปฏิชีวนะไม่อาจรักษาให้หายได้ ตราบใดที่คุณและแพทย์ผู้จ่ายยาเพิ่มความระมัดระวังในการใช้ยาปฏิชีวนะคุณก็จะได้รับประโยชน์จากยาและมีความเสี่ยงต่ออันตรายน้อยที่สุด